แต่มีข้อมูลจากอาจารย์ในกรมพัฒนาพลังงานทดแทนที่เพิ่งได้มาคือ ประเทศไทยเราใช้ก๊าซธรรมชาติผลิตไฟฟ้ามากที่สุดในปัจจุบัน นี่คงเป้นความรู้ใหม่ของใครๆอีกหลายคนทีเดียว ซึ่งถ้าถามถึงพลังงานอื่นๆล่ะก็บอกได้เลยว่าพลังงานทดแทนใดๆในปัจจุบันนี้ ก็ยังไม่ศักยภาพพอที่จะใช้เป็นพลังงานหลักหรือมาแทนที่พลังงานที่ใช้อยู่ได้เลย เปรียบเทียบง่ายๆถ้ามีรถไฟฟ้าความเร็วสูงที่มีระบบจ่ายไฟไม่เสถียรมากพอ คงได้มาการขึ้นไปขายโอเลี้ยง หนังสือพิมพ์ ตามชานชลากันบ้างล่ะ เพราะมันคงมีโอกาสจอดป้ายเป็นเวลานานเหมือนรถไฟปัจจุบันชัวร์เลยครับ
และถ้าพูดถึงก๊าซธรรมชาติแล้วนั้นก็ต้องบอกว่าเราใช้ในปริมาณมากจริงๆครับ เราลองมาดูข้อมูลนี้นะครับ สัดส่วนเชื้อเพลิงและปริมาณก๊าซในการผลิตไฟฟ้า น้อยที่สุดคือน้ำมันดีเซล 0.2% ต่อมาคือ น้ำมันเตา 1.1% ชีวมวล 1.4% พลังงานน้ำ 4.6% พลังงานน้ำจากต่างประเทศ 6.1% ถ่านหิน 18.8% และก๊าซธรรมชาติ 67.6% ซึ่งในพลังงานงานก๊าซธรรมชาติทั้งหมดที่เรานำมาใช้นั้นมาจากอ่าวไทย 57% มาจากพม่า 38% มาจากสินภูฮ่อม 5% แต่ข่าวที่ไม่สู้ดีนักคือในอ่าวไทยจะมีก๊าซธรรมชาติให้เราใช้ได้อีกประมาณ 12 เท่านั้น นี่ยังไม่ได้นับรวมความต้องการที่เพิ่มขึ้นนะครับ อาจจะไม่ถึง 10 ปีด้วยซ้ำและข่าวล่าสุดที่ทราบมาก็คือจะมีการหยุดจ่ายก๊าซธรรมชาติจากพม่าอีกครั้งหนึ่งภายในปีนี้ เพื่อซ่อมแซมสถานีจ่ายครับ เอาไว้ถ้ามีโอกาสจะมาเล่าสู่กันฟังนะครับว่าซ่อมอะไรตรงไหนแล้วทำไมต้องซ่อมครับ
จากข้อมูลที่นำเสนอมาข้างต้นนั้น ทุกคนคงเห็นแล้วพลังงานของประเทศเราจะมีทิศทางไปอย่างไรบ้าง ซึ่งในปัจจุบันมีมาตรการต่างๆมากมายออกมาไม่ว่าจะเป็นการประหยัดพลังงาน การหาอุปกรณ์ในก่ารประหยัดไฟฟ้า หรือโครงการสีเขียวต่างๆมากมายที่เกิดขึ้น เพื่อที่จะให้ทุกคนตื่นตัวเรื่องพลังงานกันมากขึ้น เพราะในอนาคตอันใกล้นี้เราอาจจะต้องใช้พลังงานที่มีอยู่ในราคาที่สูงขึ้นกว่าตอนนี้อีกมากทีเดียวครับ ซึ่งหลายๆคนที่อ่านบทความนี้ก็คงอยากจะรู้ว่ามีอะไรที่ต้องรู้อีกหรือไม่เรื่องของการจัดการกับพลังงาน ในเรื่องนี้ผมจะหาข้อมูลมาเขียนให้ได้อ่านกันนะครับ มีอีกหลายเรื่องที่คนส่วนใหญ่ยังไม่ทราบครับเพราะที่เขียนมาในวันนี้ยังไม่ถึง 1% ที่ได้รับมาด้วยซ่ำครับ ทั้งนี้ต้องขอบคุณข้อมูลดีๆจากกรมพัฒนาพลังงานทดแทนฯ ที่ให้ข้อมูลกับผมมาขนาดนี้ครับ อย่างลืมติดตามบทความตอนต่อไปกันนะครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น